เอกโหรา – เข้าใจเทคนิคอ่านดวง ฟ้าเปิดเสมอไม่มี “ดวงปิด”

ภาพวงล้อจักรราศีโมเสกในศตวรรษที่ 6 ในธรรมศาลา แสดงสัญลักษณ์ 12 ราศี โดยมีราศีกรกฏเป็นลัคนาของภาพคนตรงกลาง น่าจะหมายถึงปกป้องสมาชิกของครอบครัวและแผ่นดิน ภาพนี้เป็นการผสมผสานองค์ประกอบกรีก-ไบแซนไทน์, Beit Alpha, Israel

ขอรวบรัดกล่าวโดยสรุป คือ เรือนเป็นผลของเหตุการณ์หรือเรื่องราวเสมอ ดังอย่างด้านล่างนี้

  1. เรือนเป็นผลจากดาวกุม ยกตัวอย่าง
    • รายได้เกิดจากผู้ใหญ่ผู้มีบุญ (ดวงชะตามีดาวพฤหัสบดีกุมในเรือนกดุมภะ) – ลักษณะรายได้เป็นผลจากดาวพฤหัสบดี
    • ตนเองเดือนร้อน (ดวงชะตามีดาวอังคารกุมในเรือนตนุ) – ลักษณะตนเองเป็นผลจากดาวอังคาร
    • บุตรหลานหน้าตาดี น่ารัก (ดวงชะตามีดาวศุกร์กุมในเรือนปุตตะ) – ลักษณะบุตรหลานเป็นผลจากดาวศุกร์
  2. เรือนเป็นผลจากราศี ยกตัวอย่าง
    • รายได้เกิดจากชัยชนะ (ดวงชะตามีเส้นแบ่งเรือนที่ 2 ในราศีสิงห์) – ลักษณะรายได้เป็นผลมาจากราศีสิงห์
    • ตนเองมีพฤติกรรมใส่ใจบ้านช่องห้องหอ (ดวงชะตามีเส้นแบ่งเรือนที่ 1 ในราศีกรกฏ) – ลักษณะตนเองเป็นผลมาจากราศีกรกฏ
    • ลูกหลานเป็นนักสู้ (ดวงชะตามีเส้นแบ่งเรือนที่ 5 ในราศีพิจิก)
  3. จับรวม – เรือนเป็นผลจากดาวและราศีที่กุม ดังนี้
    • รายได้เกิดจากผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ
    • ตนเองขยันใส่ใจจนเดือดร้อน
    • บุตาหลานหน้าตาดีเป็นนักเสียสละ

เราอาจสังเกตได้ว่าตัวที่เปลี่ยนสถานะของราศีและดาวให้เกิดความหมายเฉพาะของแต่ละบุคคล คือ “เรือน” ของแต่ละดวงชะตา นักศึกษาโหราศาสตร์ควรถือเรือนเป็นจุดอ้างอิงหลัก ส่วนดวงดาวและราศีที่กุมเรือนที่ปรากฏเป็นผลกรรมที่ใช้อธิบาย สิ่งที่เจ้าชะตาประสบในชีวิตชาติปัจจุบัน

ดาวกำเนิดมีผลและให้พลังงานตลอดชีวิต และดาวจรแสดงผลเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ส่วนราศีมีสภาพคงสภาพลักษณะไม่เปลี่ยนแปลงโดยง่ายในช่วงชีวิตมนุษย์หนึ่ง

ความหมายของเรือน, ดาว, และราศี มีมากมายนับอนันต์ ในทางโหราศาสตร์ท่านหยิบมาเพียงบางความหมาย นักศึกษาพึงเทียบเคียงความหมายต่างๆในชีวิตประจำวันบ่อยๆ จะเป็นนักโหราศาสตร์ที่มีคุณภาพด้วยตัวของท่านเอง

หวังว่าทุกท่านจะสามารถใช้ดวงชะตาให้เป็นได้อย่างเด็ดขาดและเด็ดเดี่ยว ทั้งได้รับความสำเร็จสมปราถนาในสิ่งพึ่งได้ประสงค์ทุกประการในชาตินี้

Advertisement